สวัสดีครับ วันเสาร์แบบนี้เรากลับมาพบกันอีกครั้ง กับการรีวิว Animation แบบบ้านๆ
แต่วันนี้เราจะไม่เน้นรีวิวนะครับ แต่เราจะมาพูดคุยกับเจ้าของผลงานเลย ว้าวว!
[MV]Tie A Yellow Ribbon Round The Ole Oak Tree
Music Video 2D Animation 03:39 Min.
Studio Nititham Kudhom (Thailand)
Director Nititham Kudhom
เรียกได้ว่าเป็นงานที่สร้างความประทับใจให้กับหลายๆคนรวมถึงผมด้วย
นับว่าเป็นงานที่สื่อความหมายเพลงออกมาโดยใช้แอนนิเมชันได้ดีทีเดียว
จนไม่น่าเชื่อว่านี่จะเป็นผลงานตัวจบของนักศึกษาปี 4
ใช่แล้วครับคุณอ่านไม่ผิดหรอกนี่คือผลงานตัวจบของนักศึกษา
ครั้งแรกที่ได้ดูผมเองก็แอบคิดในใจว่า “เด็กสมัยนี้มันเก่งกันเนาะ”
เอาเป็นว่า ก่อนอื่นเรามาดูผลงานกันก่อนเลยครับ
เป็นยังไงกันบ้างไม่ธรรมดาเลยใช่มั้ยล่ะ เรามาพูดคุยกับเค้ากันเลยดีกว่าครับ
แนะนำตัวหน่อยครับ
สวัสดีครับ นิติธรรม กุดหอม ชื่อเล่นปอนด์ ครับ
ตอนนี้เรียนจบแล้วครับ จากสาขาแอนนิเมชัน วิทยาลัยศิลปะสื่อและเทคโนโลยี
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ครับ
ผมจบมัธยมมาจากจังหวัดภูเก็ตครับ
คิดยังไงถึงเลือกเรียนแอนนิเมชัน?
ง่ายๆเลยคือ ผมชอบวาดรูปครับ และอยากทำให้ตัวละครที่ผมวาด
มันขยับๆเดินไปเดินมาได้ ก็เลยเลือกเรียนสาขานี้ครับ
พอเข้ามาเรียนแล้วเป็นยังไงบ้าง?
ช่วงแรกๆ ปีหนึ่งปีสอง ผมไม่ได้แสดงความเป็นตัวเองออกมาสักเท่าไหร่ครับ
ยังหาตัวเองและสไตล์ที่ชอบไม่เจอ พอสักปีสามสีปี่นี่แหละครับ
เริ่มชอบวาดตัวละครประหลาดๆ ลายเส้นง่ายๆ ส่วนความรู้จากที่เรียนมาก็เอามาใช้บ้างไม่ใช้บ้าง
อันไหนที่ผมเห็นว่ามันดีและจำเป็นต่อผม ผมก็เก็บเอามาปรับใช้ครับ
มีปัญหาอะไรไหมตอนเรียน รู้สึกท้อบ้างไหม?
ปัญหามีครับแต่ไม่ท้อ ส่วนมากจะเป็นเรื่องลายเส้นในช่วงแรกๆ
คือผมชอบคุณทิมเบอร์ตันมากครับเลยติดเส้นนั้นมา พอวาดเข้าจริงมันก็วาดได้นะครับ
เหมือนของเขาแต่เราเองไม่ภูมิใจครับ พอคนอื่นเห็นงานเราเขาก็บอกว่ามันคล้ายของคนอื่น
เราก็ไม่โอเคเลยค้นหาลายเส้นของตัวเองจากสมุดสเก็ตที่วาดเล่นๆ เอามาวาดเอาจริงเอาจัง
จนกลายเป็นลายเส้นปัจจุบันที่ผมมีและผมก็รักลายเส้นผมมากครับ
ชอบเรียนวิชาอะไรมากที่สุด ไม่ชอบเรียนวิชาอะไรมากที่สุด เพราะอะไร
ชอบเรียนวิชาสายอาร์ตทั้งหมดเลยครับ ผมชอบใช้ไอเดียมากกว่าวิชาที่ต้องใช้ตรรกะความคิด
ที่ต้องซับซ้อนแบบพวกวิชาโค้ดโปรแกรมต่างๆ ครับ
ชอบงานแอนนิเมชั่นแนวไหนเป็นพิเศษไหม?
พวก Stop Motion ครับ มันให้ความรู้สึกดิบๆ สากๆ มีเสน่ห์ดีครับ
มีใครเป็นไอดอลไหม?
Tim Burton ครับ
ทีนี้มาพูดถึงผลงานกันบ้าง รู้สึกยังไงเมื่องานเสร็จ กระแสตอบรับเป็นยังไงบ้าง?
รู้สึกพอใจกับงานตัวนี้ครับ ผมตั้งใจทำมันออกมามากๆเลยครับ
พยายามเรียนตัวฟรีให้จบภายในเทอมแรก
เพื่อให้เทอมสองนั้นว่างผมจะได้มีเวลากับตัวผลงานชิ้นนี้ได้เต็มที่ครับ
กระแสตอบรับออกมาดีเกินคาดครับไม่คิดว่าจะมีคนชอบมากขนาดนี้ ดีใจมากครับ
ที่มาของไอเดียในการสร้างงานนี้?
ผมชอบฟังเพลงครับ ส่วนมากจะเป็นเพลงสากลยุคเก่าๆ พวก 70s
แล้วเพลงที่เอามาใช้นี่เป็นเพลงโปรดด้วยครับ เพลงมีเนื้อหาที่ดี น่าสนใจ
น้อยคนในสมัยนี้ที่จะได้ฟัง ผมเลยอยากจะถ่ายทอดเรื่องราวของเพลง
ผ่านตัวละครที่ผมออกแบบมาให้ผู้ชมได้เพลิดเพลินไปกับมันครับ
ช่วงที่ทำงานนี้ยังไง เจอปัญหาอะไรบ้างไหม?
ในเรื่องของตัวชิ้นงาน พวกดีไซน์ต่างๆ ไม่มีปัญหาเลยครับ
การแอนนิเมตก็ยังมีอาจารย์ที่ปรึกษาคอยดูแนะนำอยู่ครับ
ปัญหาจริงๆที่เจอก็คือไม่เกี่ยวกับชิ้นงานเลยครับ
คือคอมพ์ผมพังครับ พังอยู่เป็นอาทิตย์เลยครับ ดีที่ได้คอมพ์เพื่อนมาช่วยแก้ขัดไปก่อน
พูดถึงอาจารย์ที่ปรึกษาหน่อย
ที่ปรึกษาผมชื่อ อาจารย์สุเมธ ยอดแก้ว ครับ ตั้งแต่เริ่มจนจบทั้งสองเทอม
อาจารย์ช่วยผมได้เยอะมากครับ อาจารย์จะไม่ค่อยยุ่งเรื่องสไตล์
แต่จะคุมการแอนนิเมตและการต่อชอทของเนื้อเรื่องมากกว่าครับ
เรื่องบางเรื่องที่อาจารย์แนะนำผมก็นึกไม่ถึง บางทีผมยังมองไม่รอบด้าน
ในขณะที่อาจารย์ไปรอบโลกแล้วล่ะครับ ดีครับให้ไอเดียเก๋ๆ เอามาใช้กับงานของผมครับ
ถ้าไม่มีอาจารย์เมธ งานของผมก็อาจจะไม่ออกมาเป็นแบบนี้ก็ได้ครับ
พูดถึงการพรีเซ้นงานแต่ละครั้งหน่อย
ช่วงเสนอหัวข้อตอนแรกเครียดมากครับ ไม่ค่อยมีใครทำ MV เหมือนผม กลัวจะไม่ผ่านเอามาก
ด้วยความที่เป็นเพลงสากล กลัวเสนอเนื้อเรื่องไม่แตกคนฟังไม่รู้เรื่อง แต่สุดท้ายเกินคาดครับ
อาจารย์ให้ความสนใจและสนับสนุนให้ทำต่อไปครับ นับแต่นั้นมาในการนำเสนองาน
ผมไม่ค่อยกดดันเท่าไหร่ครับ ผมเต็มที่กับมันไปแล้วก็เลยไม่ค่อยกลัวอะไร
ยิ่งนำเสนอครั้งสุดท้ายนี่ตื่นเต้นมากครับ อยากให้คนดูงานผมไวๆ ว่าจะชอบมันไหม
เข้าใจมันไหม ตื่นเต้นมากกว่าที่จะกลัวแล้วครับ
พอใจกับผลงานมากน้อยแค่ไหน?
พอใจมากครับ ผมเต็มที่กับมันมาก ก็เลยรูสึกรักงานชิ้นนี้เป็นพิเศษ
อาจจะเพราะเป็นงานชิ้นใหญ่ที่ทำคนเดียวครั้งแรกก็ได้ครับ
เสียงตอบรับอาจารย์ และเพื่อนๆ ที่ได้ดูเป็นยังไงบ้าง
อาจารย์หลายคนก็ชื่นชอบกันครับ เขียนคอมเม้นท์มาให้อ่านในทางที่ดี
ส่วนเพื่อนๆที่ได้ดูแล้วก็ชอบครับ บอกว่าน่ารักดี เป็นสไตล์ของผมชัดเจน
ผลตอบรับโดยรวมถือว่าดีครับ
คิดว่าค้นหาตัวเองเจอหรือยัง?
ถ้าเรื่องสไตล์ของตัวเองผมว่าผมเจอแล้วนะ แต่เรื่องสไตล์ที่มันยืดหยุ่น
เพื่อจะนำไปใช้กับการทำงานร่วมกับคนอื่นเป็นทีมตามที่บริษัทต้องการ
ผมว่าผมต้องฝึกอีกเยอะครับตอนนี้ก็พยายามอยู่
วางแผนอนาคตไว้ยังไงบ้าง
ตอนนี้ก็คงหางานทำสักงานที่เราชอบเกี่ยวกับงานสายมีเดียนี่แหละครับ
ถ้าไม่ได้ทำเกี่ยวแอนนิเมชันเต็มๆ ก็คงจะอยู่สายทีวีครับ ทำงานเก็บเงินสักก้อน
แล้วเรียนต่อในอนาคตด้วยครับ
อยากฝากอะไรถึงน้องๆที่กำลังสนใจที่จะเรียนในสายนี้และน้องๆที่กำลังเรียนอยู่
ฝากถึงน้องๆที่กำลังสนใจก่อนแล้วกันนะครับ ถามตัวเองให้แน่ก่อนเลยว่าเรารักมันจริงไหม
เราอยากทำจริงรึเปล่า บางทีเราอาจจะแค่ชอบดูการ์ตูนเท่านั้นแต่เราไม่ได้ชอบ
ที่จะทำมันจริงๆก็ได้นะครับ ไม่อยากให้น้องๆเสียเวลาและโอกาสที่ดีในเส้นทางอื่น
แต่ถ้ามั่นใจแล้วว่าอยากทำมันจริงๆ ก็ลุยเลยครับ ลองดูนะคนที่ทำแอนนิเมชันได้
ไม่จำเป็นต้องวาดรูปสวย เทคนิคอย่างอื่นมันมีเยอะแยะครับถ้าเราสนใจและรักมันจริงๆ
ส่วนน้องๆที่กำลังเรียนอยู่อยากจะบอกในฐานะรุ่นพี่คนหนึ่ง ที่กำลังจะจบว่า สู้ต่อไปครับ
ในคลาสบางทีเราแทบไม่ได้อะไรเลยที่จะเอามาใช้เป็นประโยชน์ทางเทคนิคที่เราทำ
แต่มันจะได้ไอเดียแปลกๆ ที่คาดไม่ถึง ได้มุมมองใหม่ๆจากอาจารย์ที่สอนเรา
ส่วนเทคนิคนะครับ บางทีเราต้องศึกษาค้นคว้าด้วยตัวเอง จากแหล่งต่างๆ
มันมีมากมายแหละครับ ในเว็บไซต์ก็มีเยอะแยะลองดูนะครับ ถ้าเรารักมันจริงๆ
พี่เชื่อว่ายังไงเราก็ต้องทำมันให้ดีที่สุดครับ
สุดท้ายอยากฝากอะไรถึงผู้อ่านบ้างครับ
ถึงผู้อ่านนะครับ ไม่ว่าคุณจะทำอาชีพอะไรก็ตาม ผมเชื่อว่าในเส้นทางแต่ละอาชีพ
ล้วนมีอุปสรรคหมดแหละครับ อยู่ที่ว่าของใครจะมาในรูปแบบไหน คนเราต่างกันครับ
และเราสามารถผ่านมันไปได้ ถ้าเรายังศรัทธาและมีใจสู้อยู่ มันต้องเหนื่อยอยู่แล้วครับ
แต่ผลที่ตามมาผมว่ามันก็คุ้มค่าที่จะเหนื่อยนะครับ ขอบคุณครับ
บทวิจารณ์
ก่อนอื่นขอพูดถึงเพลงต้นฉบับนิดหน่อยละกันครับ
Tie A Yellow Ribbon Round The Ole Oak Tree
Tony Orlando & Dawn 1973
ผูกริบบิ้นสีเหลืองสักผืนไว้รอบๆต้นโอ้ค ต้นนั้น
เนื้อร้องของเพลงนี้ กล่าวถึง ถ้อยคำรำพึงรำพันผู้ต้องขังที่พ้นโทษออกมาจากเรือนจำ
ขณะเดินทางกลับไปหาคนรักด้วยจิตใจที่สับสน
ไม่แน่ใจว่าสาวคนรัก จะยังคงมั่นคงในความรัก อยู่หรือไม่
Tie a yellow ribbon ’round the old oak tree…..
ทำไมต้องเป็นสีเหลือง?
มีความเป็นมาหลายศตวรรษ สมัยที่อังกฤษมีสงครามกลางเมือง
ธรรมเนียมริบบิ้นเหลืองเป็นเหมือนมรดกมาจากคนอังกฤษกลุ่ม Puritan
(เป็นทหารที่ออกรบและมีผ้าผูกสีเหลือง)
พอต่อมาคนยุโรปเข้ามาในอเมริกาก็เลยนำธรรมเนียมนี้มาด้วย
เวลาคนในบ้านหายไปอย่างไร้ร่องรอย คนทางบ้านก็จะตามหาด้วยหลาย ๆ วิธี
และถ้าทำทุกอย่างแล้วแต่ยังไม่พบ เค้าก็จะผูกริบบิ้นหรืออะไรก็ได้ที่เป็นสีเหลือง
ไว้ที่บ้านหรือที่ที่อาจจะปิดป้ายประกาศหรือรูปของคนที่หายไป
เพื่อเป็นการบอกว่ายังมีคนที่รักและเป็นห่วงรอเค้าอยู่
ไม่เฉพาะคนหายเท่านั้นอันนี้รวมไปถึงทหารที่ออกไปรบครอบครัวทางบ้านก็รอ
แล้วก็ใช้วิธีเดียวกัน บางบ้านก็ผูกไว้อย่างโดดเด่นเป็นการประกาศให้ทุกคนทราบว่า
มีสมาชิกในบ้านนี้ที่ออกไปรับใช้ชาติ แล้วก็จะมีคริสเตียนช่วยกันอธิษฐาน
เผื่อพวกเค้าให้กลับมาบ้านด้วยความปลอดภัย
ต่อมาก็ใช้กันในหลาย ๆ ความหมาย และมีเรื่องเล่าอยู่มากมายทีเดียวและในหลายแง่
ซึ่งตราบใดที่ยังรอด้วยความหวังก็จะใช้สีเหลืองผูกไว้ จนกลายเป็นธรรมเนียม
Review
มันมีพลังงานบางอย่างจริงๆ การคุมตรีมอาร์ทที่ทำได้ดี
Texture ของภาพที่ไม่มากไม่น้อยเกินไป พอได้กลิ่นอายของยุคเก่า เข้ากับเพลง
การออกแบบตัวละครที่แปลกตา แต่ไม่ถึงกับเซอร์เรียลจนเกินไป ยังทำให้นึกถึงนักร้องด้วย
การเคลื่อนไหวที่มีความทะเล้น ความตลก ผสมกัน มีการเก็บรายละเอียดฉาก ต้นไม้ ดอกไม้
ส่วนตัวชอบจังหวะการตัดภาพ กับท่าเต้นของตัวละครครับ
จากที่ฟังจากหลายๆคนก็ชอบท่าเต้นของตัวละครเหมือนกัน
คือมันจะต้องเป็นแบบนี้ หน้าตามันประหลาด ท่าเต้นมันก้ต้องประหลาดแบบนี้แหละ
เชื่อว่าหลายๆคนแอบอมยิ้มเมื่อได้ดู
สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณน้องปอนด์ที่สร้างสรรค์ผลงานดีๆแบบนี้มาให้เราได้รับชม
และขอขอบคุณที่สละเวลามาพุดคุยกับเราด้วยนะครับ
สำหรับใครที่อยากจะพูดคุยติดต่อกับน้องปอนด์สามารถติดต่อเข้ามาผ่านข้าวงาย
หรือติดต่อน้องได้โดยตรงที่ https://www.facebook.com/nititham.kudhom
แล้วกลับมาพบกันใหม่ในวันเสาร์หน้า สำหรับเพื่อนๆที่มีผลงานที่น่าสนใจ
สามารถส่งมาให้เรารีวิวได้ที่ kaongai.studio@gmail.com